“ภาระหน้าที่การยิงประตูคือหน้าที่ของศูนย์หน้า” ประโยคนี้ยังคงคลาสสิกเสมอ ไม่ว่าจะเป็นการชมการแข่งขันฟุตบอลในยุคไหนก็ตาม สิ่งที่เราต้องการจะเห็นกันอย่างมากที่สุดเลยก็คือการที่เห็นกองหน้าของทีมโปรดของเรา สามารถลั่นสกอร์ได้ไม่ว่าจะเป็นจากจังหวะที่งดงาม หรือจะเป็นจังหวะฉาบฉวยและเก็บตกจากความผิดพลาดของกองหลังฝั่งตรงข้าม ทำอย่างไรก็ได้ ขอให้เปลี่ยนเป็นประตูได้
แต่สิ่งเหล่านี้นั้น มันก็น่าเสียดายจริงๆที่มันไม่มีอยู่ใน บาร์เซโลนา ชุดที่ทางตัวของ กิเก้ เซเตียน กำลังปรับปรุงทีมในช่วงนี้เลยจริงๆ การทำทีมของ เซเตียน กำลังน่าเป็นห่วงโดยเฉพาะเรื่องการทำประตูที่ตอนนี้กองหน้าตัวเป้าของทีมก็ไม่สามารถพึ่งพาในการเล่นได้เลยแม้แต่น้อย
ผู้ที่น่าจะโดนเสียงด่าเสียงสวดจากแฟนบอลชนิดที่ว่าถ้าหูพังได้ก็คงพังยับเยินมากที่สุดในเวลานี้ ก็คงเดาไม่ยาก เพราะนักเตะที่ว่านี้คือนักเตะค่าตัวแพงที่สุดประจำช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมาของ บาร์เซโลนา นั่นก็คือ เจ้าของเสื้อหมายเลข 17 คนปัจจุบันของ บาร์เซโลนา อย่างตัวของ อ็องตวน กรีซมันน์ กองหน้าร่างเล็กแห่งทีมชาติฝรั่งเศส โดยมี ผลบอลสด ไม่เยอะเท่าค่าตัวเลย ที่ซึ่งสโมสรไปซื้อตัวมาจากทีม แอตเลติโก มาดริด ด้วยค่าตัวมหาศาลตอนซัมเมอร์ที่ผ่านมานี้นั่นเอง
กรีซมันน์ พกดีกรีมาเต็มตัวเลยทีเดียว เพราะเขาคว้าแชมป์ฟุตบอลถ้วยได้หลายรายการกับ แอตเลติโก มาดริด โดยเฉพาะกับการคว้าแชมป์ยูโรป้าลีกร่วมกับ แอตเลติโก และยังคว้าแชมป์ฟุตบอลโลก 2018 มาครองในฐานะนักเตะของทีมชาติฝรั่งเศสอีกด้วย แต่กระนั้นแล้ว กองหน้าซ้ายพิฆาตรายนี้ ก็ดูเหมือนว่าจะยังปรับตัวกับถิ่น คัมป์นู ไม่ค่อยได้แบบจริงๆจังๆ เท่าไหร่นัก เพราะนับจากที่ตัวของ หลุยส์ ซัวเรซ กองหน้าทีมชาติอุรุกวัยบาดเจ็บยาวไปนั้น เขาก็มีอันเท้าบอดตามๆไปด้วยซะราวกับว่าเขาไม่มีตัวตนอยู่ในแดนหน้าของบาร์ซ่าเลยจริงๆ
ด้วยภาระหน้าที่ๆตอนนี้ ลิโอเนล เมสซี่ สตาร์ตัวทำเกมของทีมกำลังแบกมันอยู่คนเดียว มันอาจจะทำให้ เมสซี่ มีอาการเหนื่อยมากเกินไป และเมื่อถึงวันที่ เมสซี่ เริ่มล้าหรือเล่นไม่ออก ทุกคนก็ต้องหวังพึ่งตัวของ กรีซมันน์ ในการทำเกมบุกหรือยิงประตู แต่ผลก็คือกองหน้ารายนี้ทำอะไรไมได้เลยจริงๆ กรีซมันน์ เป็นนักเตะในสไตล์อย่างที่หลายๆคนทราบก็คือ เป็นกองหน้าที่ถนัดในเรื่องของการล่าตาข่ายคู่แข่งเป็นหลัก ด้วยการเล่นวูบวาบทางริมเส้นบ้าง หุบเข้าในมาบ้าง เล่นลูกกลางอากาศได้ดีแม้ว่าจะตัวเล็ก แต่ก็แข็งแกร่งในเวลากระโดดเทคตัวมาก จังหวะการแย่งโหม่งกับกองหลังก็ทำได้ดี ขอแค่มีมิดฟิลด์ตัวสร้างเกมบุกหรือฟูลแบ็กสามารถเปิดบอลเข้ากลางให้เข้าหัวเข้าได้ หรือเปิดเรียดพื้นให้เข้าเท้าซ้ายของกรีซมันน์ก็ได้ ยังไงก็มีโอกาสที่จะได้ลุ้นประตู
แต่กระนั้นแล้ว ขนาดว่าเจ้าตัวได้รับโอกาสจากลูกจ่ายคิลเลอร์พาสอันมากมายจากเพื่อนร่วมทีม โดยเฉพาะกับตัวของ ลิโอเนล เมสซี่ ที่จ่ายจนเหนื่อย แต่สกอร์ที่เขาทำได้นั้นช่างสวนทางกับกับค่าตัวที่เขาย้ายจากแอตเลติโก มาดริด มาเล่นกับบาร์เซโลนาเป็นอย่างมากเลยจริงๆ และที่น่ากลัวที่สุดคือ กิเก้ เซเตียน ที่เข้ามาทำทีมแทน เอร์เนสโต้ บัลเบร์เด้ อดีตเทรนเนอร์ที่เป็นคนซื้อตัว กรีซมันน์ มาจากทีม แอตเลติโก มาดริด นั้นจะทำให้กองหน้ารายนี้เล่นเข้ากับระบบ 4-3-3 ยังไงดี
เซเตียน เป็นโค้ชที่ชื่นชอบการทำทีมแบบ “เพรสซิ่งบอล” เน้นการยึดพื้นที่กลางสนาม และเข้าทำในพื้นที่สุดท้ายด้วยการต่อบอลสั้นเท้าต่อเท้า และลดอัตราการโยนยาวหรือเปิดบอลโด่งเข้าถล่มคู่แข่ง ซึ่งนี่เป็นจุดอ่อนอย่างชัดเจนสำหรับ กรีซมันน์ ที่ชอบบอลลักษณะแบบนั้น และเขาลงมาช่วยบีบพื้นที่ได้ไม่เก่ง แถมยังเป็นนักเตะที่เลี้ยงบอลไม่ดีเท่าไหร่นัก
มันก็ไม่แน่หรอกว่า ถ้าหากตัวของ กรีซมันน์ ยังไม่ค่อยจะปรับตัวให้เข้ากับทีมใหม่อย่างบาร์เซโลนา ซึ่งมีสภาพแวดล้อมต่างจาก แอตเลติโก การย้ายมา บาร์เซโลนา ของเขานั้น อาจจะกลายเป็นสถานที่ฝังอนาคตการเป็นนักฟุตบอลอาชีพของเขาไปก็เป็นได้ ในปัจจุบันนั้นมีผลโหวตจากแฟนบอลของ บาร์เซโลนา ที่เริ่มพูดไปในทางเดียวกันแล้วว่าพวกเขาเริ่มที่จะชื่นชอบสไตล์การเล่นของ มาร์ติน เบรทเวทท์ กองหน้าทีมชาติเดนมาร์ก ที่ทางสโมสรซื้อตัวมาเล่นกับทีมด้วยกรณีฉุกเฉินเมื่อเดือนที่แล้วมากกว่าตัวของ กรีซมันน์ เสียอีก เพราะรายของกองหน้าทีมชาติเดนมาร์ก ยังกล้าเล่นกล้าลุย กล้าจ่ายบอล กล้าเลี้ยงบอลหรือหาจังหวะยิงประตู ซึ่งต่างจากกรีซมันน์ ที่อยู่กับบาร์ซ่ามานานกว่า เบรทเวทท์ ยังไม่กล้าเล่นแบบเขาเลย
กรีซมันน์ ที่ชินกับระบบบอล 4-4-2 มาตลอด 6 ปีที่เขาอยู่กับ แอตเลติโก มาดริด และเป็นศูนย์กลางเกมรุกของทีม อาจจะปรับตัวลำบากหน่อย และยิ่งตัวของเขาที่ต้องรับบทพระรองในทีมที่มี เมสซี่ อยู่ในทีม มันอาจจะยากสำหรับเขาจริงๆ