บิลลี่ กิลมอร์ ดาวดวงใหม่แห่งทัพ สิงโตน้ำเงินคราม

บิลลี่ กิลมอร์ ดาวดวงใหม่แห่งทัพ สิงโตน้ำเงินคราม

บิลลี่ กิลมอร์ กองกลางดาวรุ่งชาวสก็อตแลนด์ของ เชลซี สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ อาจจะแย่งตำแหน่งในแดนกลางของ จอร์จินโญ มิดฟิลด์ทีมชาติอิตาลี หลังจากที่เขาได้ลงสนามเป็นตัวจริงในเกมเอฟเอ คัพ กับลิเวอร์พูล และในเกมลีกกับ เอฟเวอร์ตัน และโชว์ฟอร์มได้อย่างโดดเด่น ดูเหมือนว่ากิลมอร์ จะสร้างผลกระทบเชิงบวกเป็นอย่างมากให้กับแดนกลางของเชลซี และมันไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่พลพรรค สิงโตน้ำเงินครามภายใต้การคุมทีมของกุนซือแฟรงค์ แลมพาร์ด ดูจะมีจังหวะการเล่นที่รวดเร็วขึ้นเมื่อดาวเตะวัย 18 ปี อยู่ในสนาม กิลมอร์เป็นผู้เล่นที่เชลซีขาดหายไปในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เขาสามารถจ่ายบอลตัดแนวรับคู่แข่งได้อย่างง่ายดาย, เปลี่ยนจังหวะของเกมให้เร็วขึ้น และเป็นนักเตะที่คู่แข่งยากจะคาดเดา และมันน่าสนใจว่า แลมพาร์ด จะวางแผนเกี่ยวกับเขาอย่างไรบ้าง

สำหรับกิลมอร์ นี่คือจุดเริ่มต้นของการเดินทางในความหมายที่ชัดเจนแน่นอน เพราะในสัปดาห์ที่ผ่านมาของเขานั้น ได้เล่นในฟุตบอลระดับสูง นอกจากนี้ เขายังเป็นจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ของตัวเองกับบรรดาแฟนบอลของสโมสร ซึ่งมันเป็นช่วงเวลาที่น่าตื่นเต้น และมันเป็นความท้าทายที่เขาอาจจะเพิ่งเคยเจอ มันง่ายที่จะลืมเรื่องราวต่างๆในสนามของศึกพรีเมียร์ลีก เพราะก่อนหน้านี้ผู้เล่นหลายคนต่างแวะเวียนเข้ามาโชว์ฟอร์มการเล่นให้แฟนบอลได้รับชม และกิลมอร์ก็เช่นเดียวกัน ซึ่งเวลานี้ เขากลายเป็นดาวรุ่งที่น่าตื่นตาตื่นใจ และเป็นสิ่งแปลกให้ของเมืองผู้ดี อย่างไรก็ตาม ในความเป็นจริงสถานการณ์ของผู้เล่นนั้น สามารถเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว มันไม่ได้อยู่ในแง่ของสิ่งต่างๆรอบตัวพวกเขา และพรสวรรค์ของกิลมอร์กำลังเป็นที่พูดถึงกันในวงกว้างถึงอนาคตที่สดใสของเขาในถิ่นสแตมฟอร์ด บริดจ์

การถูกพูดถึงบ่อยๆมันอาจเป็นช่วงเวลาที่ต้องทนทุกข์ทรมาน นักฟุตบอลส่วนใหญ่จะอ้างว่าไม่สนใจสิ่งที่พูดถึงพวกเขาในที่สาธารณะ แต่สำหรับดาวรุ่งแบบ กิลมอร์ มันเป็นความกดดันที่เขาต้องเผชิญ และบางทีมันอาจเป็นแรงกระตุ้นชั้นดีเมื่อได้ยืนคนอื่นพูดถึงคุณไม่ว่าจะเป็นบนโลกออนไลน์ หรือบนหน้าหนังสือพิมพ์ก็ตาม แน่นอน นักเตะอายุน้อยสามารถลงไปเล่นในสนามกับทีมชุดแรกได้แบบไร้ความกดดัน เพราะพวกเขามักจะได้รับกำลังใจ และเสียงเชียร์จากแฟนบอลโดยที่ไม่ถูกวิพาษ์วิจารณ์มากนัก และพวกเขาสามารถเล่นได้อย่างอิสระตามสไตล์ของตัวเอง

ขณะเดียวกัน สถานการณ์ของเชลซีในเวลานี้ มันทำให้โอกาสของบรรดาดาวรุ่งเปิดกว้างอย่างแท้จริง โดยเกมที่เชลซีเปิดบ้านถล่ม เอฟเวอร์ตัน 4-0 นั้น นักเตะดาวรุ่งอย่าง ฟาอุสติโน่ อันโจริน มิดฟิลด์วัย 18 ปี และ อาร์มานโด้ โบรฆ่า กองหน้าดาวรุ่งชาวแอลเบเนีย วัย 18 ปี ต่างก็ได้รับโอกาสสัมผัสเกมกับพรีเมียร์ลีกครั้งแรกเช่นเดียวกัน การลงสนามเพียงไม่กี่นาทีของ อันโจริน และ โบรฆ่า นั้น อาจยังตัดสินอะไรไม่ได้มากนัก แต่มันก็เป็นโอกาสครั้งยิ่งใหญ่ที่พวกเขาได้รับจาก แลมพาร์ด และเป็นแรงกระตุ้นชั้นดีสำหรับอนาคตว่า พวกเขายังมีโอกาสสอดแทรกเข้ามาอยู่ในทีมชุดแรก

เชลซีเปิดบ้านถล่ม เอฟเวอร์ตัน 4-0

หลายคนคิดถึง จอช แม็คเอคราน หรือแม้แต่ โจดี้ มอร์ริส อดีตดาวรุ่งฝีเท้าดีของ เชลซี เมื่อหลายปีก่อน หลังจากที่พวกเขาได้โอกาสเปิดตัวกับทีมชุดแรกของเชลซี แต่หลังจากนั้นมันก็ขึ้นอยู่กับอุปสรรคที่มากขึ้นพร้อมกับความคาดหวังที่เพิ่มขึ้น ซึ่งมันค่อยๆทำให้พวกเขาถูกลืม และประสบการณ์เหล่านั้นมีความสำคัญมาก ความเชื่อมั่นนั้นละเอียดอ่อน การรับรู้ต่อสาธารณะนั้นตอบสนองได้อย่างยอดเยี่ยม และการที่นักเตะดาวรุ่งพาตัวเองไปอยู่ผิดที่ผิดทางนั้น อาจเป็นอันตราย และเสี่ยงต่อความล้มเหลวในอาชีพของพวกเขาในอนาคตได้อย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม สำหรับ กิลมอร์ มันอาจแตกต่างออกไปจากคนอื่นๆ เพราะเส้นทางของเขาอาจไม่น่ากลัวนัก เขากำลังเล่นให้กับโค้ชอย่าง แลมพาร์ด ซึ่งมีความมุ่งมั่นอย่างแท้จริงต่อทีมเยาวชนของ เชลซี และคู่ปรับโดยตรงของเขาสำหรับตำแหน่งกองกลางคือ จอร์จินโญ

นี่เป็นเส้นทางเดินที่เข้มงวดสำหรับกิลมอร์ และเขาไม่ควรลืม บ่อยครั้งที่ความผิดพลาดคือการคิดว่าผู้เล่นถูกยกย่องเกินความจริงจากการลงสนามครั้งแรกของเขา จากนั้น บรรดาผู้เล่นอายุน้อยต่างก็ถูกหยิบยกมาพาดหัวข่าวบนหน้าหนังสือพิมพ์ หรือบนโลกออนไลน์ แม้ว่าจะได้รับการพิสูจน์แล้วครั้งแล้วครั้งเล่า แต่การสร้างอาชีพในสุดยอดของเกมนั้นต้องใช้ผู้เล่นเพื่อเจาะเข้าไปในแก่นแท้ของกีฬา กิลมอร์ต้องการพบกับความท้าทายทางแท็คติคอย่างเต็มรูปแบบ และพิสูจน์ว่าเขาสามารถรับมือกับทุกสิ่งที่จะมุ่งเข้ามากดดันเขา โดยดาวเตะเลือดวิสกี้ ต้องทำให้แน่ใจว่า ประสบการณ์จะไม่ลดคุณค่าของเขาในสายตาของใครก็ตามที่อาจมีผลกระทบโดยตรงต่ออนาคตของเขา

เมื่อมีโอกาสมาถึง กิลมอร์ ก็ต้องคว้าไว้

นั่นเป็นเรื่องจริงโดยเฉพาะที่เชลซี ซึ่งเป็นสโมสรที่พร้อมทุ่มเงินซื้อนักเตะมาเสริมทัพทันทีที่พวกเขาต้องการ แต่ แลมพาร์ด ทำให้ความเป็นจอมทุ่มของทีมลดน้อยลงไป ถึงกระนั้นความจำเป็นของเชลซียังคงมองถึงความเป็นไปได้ในการมองหานักเตะมาเสริมทัพอยู่เสมอ เมื่อมีโอกาสมาถึง กิลมอร์ ก็ต้องคว้าไว้ และถ้ามองตามความเป็นจริงหาก เชลซี ไม่โดนแบนจากตลาดนักเตะนั้น บรรดาดาวรุ่งหลายคนก็มีโอกาสน้อยที่จะก้าวเข้ามาสู่ทีมชุดใหญ่ในฤดูกาลนี้ แต่เมื่อได้รับโอกาสแล้ว การรักษาโอกาสกลับยากกว่าหลายเท่า กิลมอร์ จะต้องคว้าโอกาสทองนี้ไว้ทั้ง 2 มือ และเขาจะต้องรักษามาตรฐานการเล่นให้ได้ท่ามกลางเสียงเชียร์จากแฟนบอลเชลซีที่ดังทั่วสนามสแตฟอร์ด บริดจ์